วิ่งดีมีประโยชน์ วิ่งยังไงให้ไม่เสียสุขภาพ
สารบัญ
วิ่งดีมีประโยชน์ วิ่งยังไงให้ไม่เสียสุขภาพ
การเดินหรือวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆ ด้าน คนทุกเพศทุกวัยสามารถทำได้ เป็นการออกกำลังกายที่ง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ เพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง ควรฝึกอย่างสม่ำเสมอ ทีละน้อย และไม่เพิ่มระยะทางเร็วเกินไป
การเดินและวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่าย ประหยัด และไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ อาศัยอยู่ในสถานที่วิ่งที่เหมาะสมที่มีการระบายอากาศที่ดีเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายที่ดีต่อระบบต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
ข้อดีของการเดินและวิ่ง
การเดินและวิ่งเป็นประจำ ส่งผลดีต่อทุกระบบของร่างกายทั้งทางร่างกายและจิตใจ และอาการบาดเจ็บจากการวิ่งบอกว่าการวิ่งนั้นดีต่อร่างกายในหลายๆ ด้าน
สุขภาพพื้นฐานทั่วไป
ช่วยรักษาความดันโลหิตให้เป็นปกติ การทำงานของหัวใจ ปอด การหายใจดีขึ้น เพิ่มความฟิตและความสมบูรณ์ของร่างกาย ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
ช่วยบรรเทาและลดความเสี่ยงการเกิดโรคประจำตัวต่างๆ
เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ลดระดับไขมันในเลือด และช่วยในการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนักได้
สุขภาพจิตและอารมณ์
มีรายงานว่าการวิ่งทำให้อารมณ์ดีขึ้น และสุขภาพจิตดีขึ้น ช่วยลดระดับความเครียด
กิจกรรมเดินและวิ่งเหมาะกับใครบ้าง?
คนทุกเพศทุกวัยสามารถเดินได้ และการวิ่งก็เป็นกิจกรรมเสริมการออกกำลังกาย เพียงแค่ต้องกำหนดตารางเวลาและระยะทางวิ่งให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เช่น กลุ่มเด็ก ควรวิ่งในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก ในขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุหรือกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดระยะเวลาและรูปแบบการวิ่งให้เหมาะสมกับสมรรถภาพของร่างกาย
การตั้งเป้าหมายในการวิ่ง ช่วยให้การวิ่งปลอดภัยขึ้น
นพ.พัทธพลยังแนะนำว่าการวิ่งเป็นที่ที่คนในกลุ่มเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บ และหัวใจหยุดเต้น เนื่องจากการวิ่งที่หนักเกินไปสำหรับร่างกาย ขาดการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและผู้ที่ไม่ทราบว่าตนเองป่วยหรือมีโรคประจำตัว ดังนั้นเป้าหมายของการวิ่งจึงชัดเจน จึงช่วยจัดตารางการฝึกซ้อม และการเตรียมร่างกาย
กลุ่มคนวิ่งเพื่อสุขภาพ
กลุ่มที่วิ่งเพื่อความแข็งแรง วิ่งไม่หนักมาก สามารถสังเกตอาการเจ็บป่วยได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะก่อน ระหว่าง หรือหลังการวิ่ง และควรเริ่มวิ่งทีละน้อย ค่อยๆ เพิ่มระยะทางและระยะเวลาตามความพร้อม และความแข็งแรงของร่างกายไม่ควรเพิ่มระยะทางหรือวิ่งเร็วเกินไป
กลุ่มคนที่ต้องการวิ่งเพื่อแข่งขันหรือวิ่งมืออาชีพ
กลุ่มที่ต้องการพัฒนาการวิ่งของตัวเองให้สูงขึ้น วิ่งเร็วขึ้นหรือฝึกซ้อมเพื่อการแข่งขัน นอกจากการฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไปและสม่ำเสมอ ควรได้รับการตรวจสภาพร่างกายก่อน เพื่อดูว่าตนมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค หรือเป็นโรคอะไร?
กลุ่มคนที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว ความดันโลหิต โรคหัวใจ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือผู้ที่เป็นโรคกระดูกและข้อ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อกำหนดรูปแบบและเวลาที่เหมาะสมในการวิ่ง
วิ่งยังไงให้ไม่เจ็บและไม่ทำร้ายสุขภาพ
อาการบาดเจ็บจากการวิ่ง ส่วนใหญ่มักจะอยู่บริเวณหัวเขา ถัดมาเป็นส่วนของข้อเท้า อาการบาดเจ็บเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับนักวิ่งทุกคน สาเหตุหลักมาจากระยะทางที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มความเร็วของการวิ่งเร็วเกินไปในขณะที่สภาพร่างกายไม่พร้อม การฝึกอย่างสม่ำเสมอและทำแบบค่อยเป็นค่อยไป สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บได้
ระยะทางและเวลาที่เหมาะสมในการฝึกวิ่ง
การฝึกวิ่งแบบค่อยเป็นค่อยไปและสม่ำเสมอสามารถช่วยให้คุณปรับปรุงการวิ่งของคุณได้ โดยที่ระยะทางและระยะเวลาของเซสชั่นการฝึกมีความสำคัญ จะขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อมและความแข็งแรงของร่างกายเป็นหลักแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ระยะเวลาการฝึกวิ่งที่แนะนำ โดยปกติประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์ อาจจะเดินหรือวิ่งวันละ 40-50 นาที 3-4 วันต่อสัปดาห์ หรือถ้าวิ่งแล้วทำให้รู้สึกเหนื่อยมาก พักผ่อนและไม่ฟื้นตัว ลดเวลาวิ่งของคุณเป็น 75 นาทีต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 30 นาที 3 วันต่อสัปดาห์
วิธีสังเกตตัวเองไม่ให้บาดเจ็บจากการวิ่ง
การสังเกตตนเองสามารถทำได้ในขณะวิ่ง หากคุณมีอาการปวด ปวด มึนงง เวียนศีรษะขณะวิ่ง ให้ชะลอความเร็วในการวิ่งหรือหยุดพักเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหว ไม่ควรบังคับให้วิ่งต่อไป ในกรณีอื่นหากวิ่งแล้วมีอาการปวด หรือปวดเรื้อรังเกิน 3-4 วัน ให้ลองหยุดพัก และสังเกตอาการและบรรเทาอาหารเบื้องต้นด้วยการประคบเย็นยกขาสูงหรือไม่ดีขึ้นหรือไม่มั่นใจในอาการบาดเจ็บของตนเองให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาต่อไป
นอกจากนี้คุณควรหมั่นฝึกฝนและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยทำไปเรื่อย ๆ ไม่เพิ่มความเร็ว และระยะทางในการวิ่งเร็วเกินไป เพิ่ม Weight Training หรือ Body Weight Training ที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สามารถช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการวิ่งได้อีก
กรุณาปล่อยให้ฉัน นักวิ่งหน้าใหม่.
นพ.พัทธพล กล่าวสรุปสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ว่า การวิ่งเป็นกิจกรรมเพื่อสุขภาพ แต่ควรทำอย่างใจเย็นไม่เร่งรีบหรือวิ่งเร็วเหมือนใคร ควรกำหนดเวลาวิ่งให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน วิ่งเพื่อสุขภาพ หรือ วิ่งเพื่อการแข่งขัน? จากนั้นกำหนดแผนที่เหมาะสม ฝึกฝน และทำอย่างสม่ำเสมอ ค่อยเป็นค่อยไป ก็จะช่วยให้การวิ่งพัฒนา วิ่งตรงเป้าได้ไม่มีอาการบาดเจ็บ
#การวงดมประโยชน #วงอยางไรไมทำรายสขภาพ